พลาสติกที่เราพบเจอในชีวิตประจำวันไม่ว่าจะเป็นขวดน้ำ ขวดเครื่องปรุง ถังใส่น้ำ และอีกมากมาย ซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าพลาสติกจริง ๆ แล้วหมายถึงอะไร พลาสติกเป็นวัสดุสังเคราะห์จากโพลิเมอร์ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หลากหลายรูปแบบที่เหมาะสมต่อการใช้งาน
เรื่องราวน่ารู้ของพลาสติก
พลาสติกสามารถทำเป็นรูปทรงและยืดหยุ่นได้เป็นอย่างดีไม่ว่าจะนำไปกด อัด หรือยืดก็สามารถทำได้โดยง่าย ที่สำคัญคือพลาสติกเป็นที่รู้จักและนิยมใช้มามากกว่า 140 ปีแล้ว และมีเซลลูลอยด์เป็นพลาสติกชนิดแรกที่เกิดขึ้นมาโดยนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน เขาใช้น้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติกลั่นออกมาเพื่อทำพลาสติก ซึ่งในโรงงานพลาสติก หลาย ๆ แห่งก็จะมีการผลิตพลาสติกในรูปแบบนี้เช่นเดียวกัน หลังจากที่ทำการสกัดน้ำมันดิบออกมาแล้วจะนำไปทำเป็นเม็ดพลาสติกเพื่อนำไปยืด ฉีด หรือเป่าเพื่อให้รูปแบบออกมาตรงตามที่ลูกค้าต้องการ
พลาสติกถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ เทอร์โมพลาสติกและเทอร์โมเซ็ตติ้งพลาสติก
เทอร์โมพลาสติก คือ พลาสติกที่นิยมใช้กันมาอย่างแพร่หลาย พลาสติกชนิดนี้สามารถ หลอมขึ้นรูปใหม่ได้ เมื่อพลาสติกชนิดนี้โดนความร้อนจะอ่อนตัวลงและสามารถดัดเป็นรูปแบบต่าง ๆ ได้ พลาสติกที่อยู่ในตระกูลนี้มีอยู่ 9 ชนิด ได้แก่
- โพลิเอทิลีน (PE) เป็นพลาสติกที่มีลักษณะขุ่นและน้ำสามารถผ่านได้น้อย
- โพลิโพรพิลีน (PP) เป็นพลาสติกที่ทนความร้อนได้สูง
- โพลิสไตรีน (PS) เป็นพลาสติกที่มีความโปร่งใสทนต่อกรดและด่าง
- SAN (Styrene Acrylonitrile) มักจะนำไปใช้กับการผลิตชิ้นส่วนของรถยนต์
- ABS (Acrylonitrile Butadiene Styrene) เป็นพลาสติกที่ทนต่อสารเคมีเป็นอย่างมาก
- โพลิไวนิลคลอไรด์ (PVC) พลาสติกชนิดนี้มักจะนำไปใช้ใส่น้ำมันเพราะกำจัดไขมันได้เป็นอย่างดี
- ไนลอน (Nylon) พลาสติกชนิดนี้มีความเหนียวและคงทนอยู่ในแผ่นเดียวกัน
- โพลิเอทิลีน เทอร์ฟะธาเลต (PET) มักจะนำพลาสติดชนิดนี้ไปทำเป็นแผ่นฟิล์มถนอมอาหาร
- โพลิคาร์บอเนต (PC) สามารถทนความร้อน ทนกรดได้สูงแต่ไม่ทนเบส
เทอร์โมเซ็ตติ้งพลาสติก คือ พลาสติกชนิดคงรูป ทนความร้อน หลอมขึ้นรูปใหม่ไม่ได้ พลาสติกนี้มีความพิเศษอยู่ในตัว สามารถทนอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงได้ค่อนข้างสูงไม่ว่าจะอากาศร้อนหรืออากาศเย็นก็สามารถที่จะคงสภาพเดิมได้ ด้วยความที่มีโมเลกุลเป็นแบบร่างแหจึงไม่สามารถนำไปหลอมละลายด้วยความร้อนได้อีก
การขึ้นรูปของพลาสติกให้ถูกตามความต้องการของธุรกิจ
การผลิตพลาสติก ซึ่งส่วนมากแล้วโรงงานพลาสติก หลาย ๆ แห่งมักจะมีตัวอย่างของพลาสติกชนิดต่าง ๆ เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกสรร โดยที่การขึ้นรูปพลาสติกให้เหมาะสมกับการใช้งานจะมีอยู่ 7 รูปแบบ ได้แก่
- การขึ้นรูปพลาสติกแบบเป่า รูปแบบนี้จะเป็นพลาสติกที่เราสามารถเห็นได้ทั่ว ๆ ไปและจำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวันอย่างขวดน้ำดื่ม ซึ่งสังเกตได้ง่าย ๆ เลยว่าพลาสติกที่ใช้เทคนิคนี้มักจะมีความกลวงอยู่ตรงกลาง
- การขึ้นรูปพลาสติกแบบฉีด เป็นเทคนิคการขึ้นรูปพลาสติกที่จำเป็นต่อการผลิตเครื่องใช้ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์รถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ของใช้ในครัวเรือน ของเล่นเด็ก ข้าวของเครื่องใช้ในสำนักงาน
- การขึ้นรูปพลาสติกแบบอัดรีด เทคนิคนี้เป็นการหลอมพลาสติกในเครื่องอัดรีดแล้วจึงอัดเข้าสู่แม่พิมพ์ เทคนิคนี้จะเหมาะสมกับการทำท่อ PVC ถุงพลาสติก กระสอบพลาสติก
- การขึ้นรูปพลาสติกแบบสุญญากาศ โดยส่วนมากแล้วบรรจุภัณฑ์ที่จะใช้เทคนิคนี้มักจะเป็นถาดหลุม กล่องอาหาร หรือสามารถนำไปทำเป็นอุปกรณ์ภายในรถยนต์ได้ด้วยเช่นเดียวกัน
- การขึ้นรูปพลาสติกแบบ 3D เป็นเทคนิคการขึ้นรูปพลาสติกที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
- การขึ้นรูปพลาสติกแบบหมุน ซึ่งเทคนิคนี้มักจะถูกนำไปใช้กับของที่มีชิ้นใหญ่ หมุนแม่พิมพ์ด้วยความร้อนเพื่อทำให้เกิดเป็นรูปร่าง
- การขึ้นรูปพลาสติกแบบอัดขึ้นรูป บรรจุภัณฑ์ที่เคยเห็นตามท้องตลาดทั่วไปอย่างเมลามีน ถ้วย ชาม โดยใช้วิธีการนำเมลามีนที่แข็งตัวแล้วมาวางใส่แม่พิมพ์เพื่อใช้แรงดันกระจายไปให้ทั่วแม่พิมพ์ก็จะได้ภาชนะออกมารูปแบบตามต้องการ
แล้วทำไม โรงงานพลาสติก ส่วนใหญ่อยู่ที่ ชลบุรี
ชลบุรี เป็นจังหวัดที่มีทั้งทำเลและกำลังซื้อสูงมีศักยภาพครบทั้งในภาคการท่องเที่ยว พาณิชย์ และอุตสาหกรรม เป็นจังหวัดที่มีนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ตั้งอยู่หลายแห่ง ซึ่งมีระบบการขนส่งที่หลากหลายรองรับอยู่แล้ว เช่น ระบบขนส่งทางถนน ระบบราง การขนส่งทางน้ำ อีกทั้งมีที่ตั้งอยู่ใกล้กับท่าอากาศยาน สามารถขนส่งและกระจายสินค้าได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ดังนั้น การซื้อสินค้าหรือผลิตภัณฑ์พลาสติกภายในจังหวัดที่มีระบบการขนส่งที่ดี สามารถที่จะช่วยลดต้นทุนค่าขนส่งและค่าเดินทางพร้อมส่งเสริมเศรษฐกิจในพื้นที่ เนื่องจากบรรจุภัณฑ์พลาสติกมีน้ำหนักเบา และใช้พื้นที่ในการขนส่งมาก ทำให้เกิดต้นทุนสูงในการขนส่ง
เราสามารถลดต้นทุนการขนส่งได้อย่างไร
การบริหารต้นทุนในการลดค่าขนส่งบรรจุภัณฑ์ลง เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน เนื่องจากค่าใช้จ่ายเรื่องการขนส่งที่มีต้นทุนสูงขึ้นตลอดเวลา เพราะอิงกับราคาน้ำมัน ดังนั้นค่าใช้จ่ายพื้นฐานในการขนส่งจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของราคาสินค้า ยุทธวิธีในการลดต้นทุนในการขนส่งไม่ให้สูงจนเกินไป จึงก่อให้เกิดบริการการขนส่งตรงจากโรงงานที่มีจุดสำคัญที่เข้ามาช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการขนส่ง ประกอบไปด้วย 2 วิธีคือ
1. Full Truck Load คือ บริการการขนส่งตรงแบบเต็มตู้ การส่งสินค้าจากโรงงาน ถึงลูกค้าโดยตรง สินค้าจะไม่ผ่านศูนย์กระจายสินค้าและส่งมอบสินค้าในเวลาที่กำหนด ถูกต้องทั้งจำนวนและคุณภาพ ข้อดีของการขนส่งตรง คือ
- ลดค่าใช้จ่ายเก็บรักษาสินค้า
- ลดค่ายกขนสินค้า
- สินค้าขนส่งรวดเร็ว
2. DOOR TO DOOR คือบริการขนส่งสินค้าจากผู้ส่งถึงผู้รับ เป็นการขนส่งที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบันเนื่องจากวงการธุรกิจอีคอมเมิร์ซหรืออุตสาหกรรมการขนส่งกำลังเติมโต การขนส่งพัสดุระยะทางสั้นๆส่งถึงมือผู้รับปลายทาง อำนวยความสะดวกในการรับสินค้าจากโรงงานหรือจุดกระจายสินค้าให้ถึงผู้รับอย่างถูกต้อง จะช่วยลดต้นทุนในการขนส่งสินค้าเป็นอย่างมาก ข้อดีของการขนส่งชนิดนี้ คือ
- ควบคุมต้นทุนค่าขนส่งได้
- รวดเร็วตรวจสอบเวลาการขนส่งได้ง่าย
- ลดขั้นตอนในการดำเนินงานของลูกค้า
