มาตรฐาน มอก. (มอก. 655) ที่ทางแสงรุ่งได้รับ

ปัจจุบันการเลือกใช้อุปกรณ์หรือบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ได้รับมาตรฐาน มอก. 655 หรือมาตรฐานอุตสาหกรรมที่รับรองคุณภาพของพลาสติกจากผู้ผลิตว่าได้มาตรฐาน มีความปลอดภัย เหมาะต่อการใช้งานผ่านการรับรองจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เพิ่มความน่าเชื่อถือและความมั่นใจต่อผู้บริโภค อย่างเช่นบริษัท แสงรุ่งกรุ๊ป จำกัด ที่ได้รับมาตรฐาน มอก.655-2553 เล่ม 1 เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่าบริษัทให้ความสำคัญต่อคุณภาพและความปลอดภัยต่อบรรจุภัณฑ์พลาสติกทุกชนิด และเพื่อความเข้าใจต่อ มอก.655-2529 มากขึ้น แสงรุ่ง จึงไม่พลาดนำข้อมูลดี ๆ มาฝากกัน

มอก. 655 คืออะไร ?

มอก. 655 คือ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ภาชนะและเครื่องใช้พลาสติกทุกประเภทสำหรับอาหาร เช่น ขวด พลาสติก กล่อง หรือบรรจุ ภัณฑ์ พลาสติกรูปแบบต่าง ๆ ทำจากวัสดุเดี่ยว ผสม ชั้นเดียว หรือหลายชั้น ทั้งแบบใช้ได้ครั้งเดียวและใช้ซ้ำได้ เพื่อความปลอดภัยในการใช้บรรจุอาหาร เครื่องดื่มทุกชนิด โดยไม่มีสารปนเปื้อนที่ก่อให้เกิดอันตรายเกินกว่าที่กำหนด รวมถึงจะต้องมีคุณสมบัติเหมาะสมต่อการใช้งาน โดยมีข้อมูลน่าสนใจดังนี้

ประเภทของ มอก.655

  1. มอก.655 เล่ม 1

มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมกลุ่มภาชนะ บรรจุ ภัณฑ์ พลาสติกและเครื่องใช้พลาสติกชนิดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น กระปุกพลาสติก, แกลลอน, ขวดน้ำดื่มต่าง ๆ รวมถึงกล่องต่าง ๆ ฯลฯ  โดยมีจุดกำเนิดจากพลาสติกลุ่มต่าง ๆ ดังนี้  พอลิเอทิลีน (PE), พอลิพรอพิลีน (PP), พอลิสไตรีน (PS), พอลิเอทีลีนเทเรฟเทแลต (PET), พอลิไวนิลแอลกอฮอล์ (PVAL) และพอลิเมทิลเพนทีน (PMP) โดยรวมเรียกว่า “ภาชนะพลาสติก”

  1. มอก.655 เล่ม 2

มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมกลุ่มภาชนะและเครื่องใช้พลาสติกกลุ่ม พอลิไวนิลคลอไรด์, พอลิคาร์บอเนต, พอลิแอไมด์ และพอลิเมทิลเมทาคริเลต

  1. มอก.655 เล่ม 3

มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมกลุ่มภาชนะและเครื่องใช้พลาสติกกลุ่ม อะคริโลไนไทรล์-บิวทะไดอีน-สไตรีน และสไตรีน-อะคริโลไนไทรล์

ข้อกำหนด มอก.655

มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมกลุ่มภาชนะและพลาสติกชนิดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น พลาสติก PP จะมีข้อกำหนดในส่วนต่าง ๆ ดังนี้

วัสดุที่ใช้ทำภาชนะพลาสติก

 ตัวภาชนะ

  1. เรซิน:

ต้องเป็นเรซินบริสุทธิ์ (Virgin Resin) ส่วนในกรณีที่ผสมเศษวัสดุยอมให้ใช้ได้เฉพาะที่ยังคงอยู่ในกระบวนการผลิตนั้น โดยผู้ผลิตจะต้องพิสูจน์หรือแสดงเอกสารรับรองคุณภาพจากสถาบันหรือหน่วยงานที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมยอมรับ

  1. วัสดุเชิงเดี่ยว:

วัสดุเชิงเดี่ยวที่ใช้ในการผลิตพลาสติกในกลุ่มพอลิเอทิลีน, พอลิพรอพิลีน, พอลิสไตรีน, พอลิเอทิลีนเทเรฟแทเลต, พอลิไวนิล, แอลกอฮอล์ หรือพอลิเมทิลเพนทีน หรืออย่างใดอย่างหนึ่งตามที่ระบุไว้ที่ฉลากการวิเคราะห์ให้ปฏิบัติตาม มอก.656

  1. วัสดุผสม:

ต้องเป็นพอลิเมอร์ร่วมระหว่างมอนอเมอร์ หรือเป็นการผสมกันระหว่างวัสดุเดี่ยวมากกว่า 1 อย่าง และต้องเป็นไปตามที่ระบุไว้ที่ฉลากการวิเคราะห์ให้ปฏิบัติตาม มอก.656

  1. วัสดุอื่น:

วัสดุอื่นนอกเหนือจากที่นอกเหนือจากวัสดุเชิงเดี่ยวและวัสดุผสม โดยไม่สัมผัสอาหารต้องทำจากเรซินบริสุทธิ์ ส่วนชั้นสัมผัสอาหาร ต้องทำจากวัสดุคุณภาพ ดังนั้นในกรณีวัสดุชนิดอื่นสามารถใช้ได้เฉพาะวัสดุที่ได้รับอนุญาตและอยู่ในกระบวนการผลิตนั้น ผู้ผลิตภาชนะและผลิตภัณฑ์พลาสติกจะต้องพิสูจน์หรือแสดงเอกสารรับรองคุณภาพวัสดุชนิดนั้น ๆ จากสถาบันหรือหน่วยงานที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมยอมรับ

ส่วนประกอบที่สัมผัสอาหาร (ยกเว้นตัวภาชนะ)

ต้องทำจากเรซินบริสุทธิ์ ชั้นคุณภาพสัมผัสอาหาร กรณีเศษวัสดุยอมให้ใช้ได้เฉพาะที่ยังคงอยู่ในกระบวนการผลิตนั้น ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกจะต้องพิสูจน์หรือแสดงเอกสารรับรองคุณภาพจากสถาบันหรือหน่วยงานที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมยอมรับ

ประเภท/ ชนิด / ตัวย่อ

ภาชนะพลาสติก

สำหรับภาชนะพลาสติกที่ได้รับมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม แบ่งออกได้ 3 ประเภท คือ

  • ประเภทธรรมดา ต้องทนความร้อนได้ไม่ต่ำกว่า 60 องศาเซลเซียส
  • ประเภททนความร้อน ต้องทนความร้อนได้ไม่ต่ำกว่า 100 องศาเซลเซียส
  • ประเภททนความเย็น ต้องทนความร้อนได้ถึง -10 องศาเซลเซียส หรือต่ำกว่า

ประเภทของพลาสติก

กำหนดให้แบ่งประเภทตามชนิดของพลาสติกที่ใช้ทำ (เฉพาะชั้นที่สัมผัสอาหาร) เป็น 6 ชนิด โดยมีข้อมูลดังนี้

ชนิดตัวย่อ
พอลิเอทิลีน (polyethylene)PE
พอลิพรอพิลีน (Polypropylene)PP
พอลิสไตรีน (polystyrene)PS
พอลิเอทิลีนเทเรฟแทเลต (poly (ethylene terephthalate))PET
พอลิไวนิลแอลกอฮอล์ (polystyrene (vinyl alcohol))PVAL
พอลิเมทิลเพนทีน (polystyrene (methyl pentene))PMP

คุณสมบัติที่ต้องการ

1. ลักษณะทั่วไป

  • บรรจุ ภัณฑ์ พลาสติกต้องปิดฝาสนิทและเหมาะสมตามที่ลักษณ์การใช้งาน
  • สะอาดและปราศจากข้อบกพร่อง เช่น รูปร่างพลาสติก PE, พลาสติก PET, พลาสติก PP หรือ  แกลลอน เป็นต้น  ไม่ผิดปกติหรือไม่มีตำหนิที่เห็นได้ชัดเจน
  • ความหนาของพลาสติกสมมาตร มีระดับและสม่ำเสมอกัน หรือหากไม่สมมาตรต้องมีสัดส่วนความหนาที่เหมาะสม

2. ความทนอุณหภูมิ

พลาสติกทุกประเภทมีความทนทานตามมาตรฐานที่กำหนด และมีความทนต่ออุณหภูมิที่ใช้งานโดยต้องไม่ร้าว ไม่แตก ไม่บิดเบี้ยว และไม่มีตำหนิ

3. กลิ่นและรส

ภาชนะจะต้องไม่มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ รวมถึงรสชาติของอาหารและน้ำต้องไม่เปลี่ยนจากเดิม

4. ความทนทาน

ความทนทานของผลิตภัณฑ์และภาชนะพลาสติกจะต้องมีคุณสมบัติทนแรงกระแทกได้ดี โดยเฉพาะกลุ่มของพลาสติกแบบใช้ซ้ำได้ ยกเว้นเครื่องใช้พลาสติก โดยเมื่อเข้าสู่กระบวนการทดสอบจะต้องไม่ร้าวและแตก

คุณสมบัติความปลอดภัย

  1. มีส่วนผสมของโลหะและสารอินทรีย์ในพลาสติก หรือสารอื่น ๆ ที่ละลายออกมาไม่เกินมาตรฐานตามจากสำนักงานหรือสถาบันมาตรฐานรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมยอมรับ
  2. ในส่วนของสีต้องเป็นสีที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และได้รับการรับรองจากหน่วยงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมยอมรับ นอกจากนั้นต้องมีความคงทนไม่หลุดลอก และละลาย

การบรรจุ

ให้ห่อหุ้มภาชนะพลาสติกด้วยวัสดุหรือบรรจุในหีบห่อที่สะอาด แข็งแรง ป้องกันจากการขีดข่วนของพลาสติก PE, กล่องพลาสติก  รอยร้าว การเสียรูป หรือแตกหักที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างขนส่งหรือเก็บรักษา รวมถึงไม่ปนเปื้อนจากสิ่งสกปรกภายนอก

เครื่องหมายและฉลาก

ที่ภาชนะพลาสติกทุกหน่วยหรือวัสดุหุ้มห่อทุกหน่วย หรือหีบห่อที่มีขนาดเดียวกัน จะต้องมีตัวเลข อักษร หรือเครื่องหมายแจ้งรายละเอียดต่อไปนี้ให้เห็นได้ง่าย โดยจะต้องมีข้อมูลต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น

  • ชื่อผลิตภัณฑ์ที่สื่อให้ผู้บริโภคทราบว่าผลิตภัณฑ์คืออะไร ขนาดความจุ จำนวน อุณหภูมิที่เหมาะแก่การใช้งาน
  • สัญลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ว่าปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ รวมถึงเครื่องหมายคำเตือนต่าง ๆ เช่น ใช้กับเตาไมโครเวฟได้ ห้ามวางใกล้เปลวไฟ ฯลฯ
  • มีข้อบ่งชี้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ เช่น ประเภทของภาชนะแบบใช้ครั้งเดียวหรือใช้ซ้ำได้  วันเดือนปีที่ผลิต รุ่นที่ผลิต เครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียน และโรงงานผู้ผลิต

การทดสอบ

กระบวนการที่ใช้ตรวจสอบว่าผลิตภัณฑ์เป็นไปตามที่กำหนดไว้หรือไม่ ซึ่งการทดสอบมาตรฐานผลิตภัณฑ์หรือภาชนะพลาสติก PE จะมีการทดสอบตามคุณสมบัติของพลาสติกแต่ละชนิด เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์พลาสติกที่มีคุณภาพ และปลอดภัยต่อการใช้งานมากที่สุด ซึ่งการทดสอบจะมีดังนี้

  1. การทดสอบความทนต่อแรงกระแทกและการดัดงอ
  2. การตรวจสอบคุณลักษณะทางกายภาพและการวัดขนาด
  3. อุณหภูมิ: จะต้องมีความคลาดเคลื่อนไม่เกิน -2 หรือ +2 องศาเซลเซียส จากการทดสอบที่กำหนด เช่น

3.1. ประเภททนความร้อน แช่ชิ้นทดสอบในน้ำเดือดเป็นเวลา 10 นาที แล้วนำมาไว้ที่อุณหภูมิห้องเป็นเวลา 1 ชั่วโมง แล้วทำซ้ำอีก 3 ครั้ง

3.2. ประเภทธรรมดา นำชิ้นทดสอบไปอบในตู้อบที่มีอากาศหมุนเวียนที่อุณหภูมิ 70 (-2 หรือ+2 ) องศาเซลเซียส เป็นเวลา 3 ชั่วโมง แล้วนำมาวางไว้ที่อุณหภูมิห้องเป็นเวลา 1 ชั่วโมง

3.3. ประเภททนความเย็น นำชิ้นทดสอบไปไว้ในตู้เย็นที่อุณหภูมิ -12 (-2 หรือ+2 ) องศาเซลเซียส เป็นเวลา 24 ชั่วโมง

  1.  ความทนต่อกรดหรือด่าง และไขมัน โดยพลาสติกที่ผลิตในแต่ละรุ่นจะต้องมีคุณสมบัติทนทานต่อความเป็นกรด ด่าง และไขมันต่าง ๆ เพื่อให้การใช้งานปลอดภัย และไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค
  2. การทดสอบกลิ่นและรส โดยใช้สารละลายโซเดียมโดเดซิลเบนซีนซัลโฟเนต ร้อยละ 0.05 ใส่ในบีกเกอร์ที่มีชิ้นทดสอบอยู่ด้านใน เขย่าและใช้เวลาไม่น้อยกว่า 30 วินาที จากนั้นตรวจชิมน้ำว่ามีรสชาติเปลี่ยนจากเดิมหรือไม่

ขั้นตอนการขอเครื่องหมาย มอก.

สำหรับขั้นตอนการยื่นขอเครื่องหมาย มอก.มีดังนี้

  1. คลิกเข้าไปที่หน้าเว็บไซต์ “สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.)” ผ่านระบบ E-License
  2. คลิกเลือก “มาตรฐาน มอก” จากนั้นเลือก “การขอรับใบอนุญาต มอก.” ต่อด้วยคลิกเลือก “หลักเกณฑ์ต่าง ๆ”
  3. เตรียมเอกสารแสดงตน เช่น บัตรประชาชน (บุคคลธรรมดา) , หนังสือรับรองบริษัทไม่เกิน 6 เดือน (นิติบุคคล), หนังสือมอบอำนาจ, ใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานหรือหนังสืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง พร้อมข้อมูลรายละเอียดผลิตภัณฑ์โดยย่อ ซึ่งประกอบไปด้วยรูปภาพและส่วนประกอบต่าง ๆ
  4. ขอทำตัวอย่างพลาสติก PET, พลาสติก PP หรือ แกลลอน ฯลฯ โดยรอให้เจ้าหน้าที่อนุมัติและมีหนังสือตอบรับจากระบบ
  5. สมอ.เก็บตัวอย่าง พลาสติก กล่อง ขวด พลาสติก และถุงพลาสติก โดยจะทำการนัดหมายเพื่อเก็บตัวอย่างและออกใบนำส่งตัวอย่าง โดยผลทดสอบจะส่งมาที่ สมอ.
  6. ยื่นขอตรวจโรงงานผ่านระบบ E-License โดยนัดเจ้าหน้าที่ สมอ.หรือหน่วยตรวจ (IB0) ที่ได้รับการแต่งตั้งจาก สมอ.
  7. ยื่นขอรับใบอนุญาตผ่านระบบ E-License โดยแนบผลการตรวจโรงงานและผลการทดสอบผลิตภัณฑ์
  8. รับใบอนุญาต โดยจะมีรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบ E-License

มอก.655 มีความสำคัญอย่างไร พร้อมยกตัวอย่างกรณีศึกษา

ภาพรวมของมอก.655  มีความสำคัญอย่างยิ่งทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของความปลอดภัยด้านอาหารและคุณภาพของบรรจุภัณฑ์พลาสติกตามมอก หรือมาตรฐานอุตสาหกรรม ดังนี้

ความสำคัญต่อผู้บริโภค

  • ช่วยให้ผู้บริโภคมั่นใจต่อสินค้าถึงความปลอดภัย จนนำไปสู่การตัดสินใจเลือกซื้อ
  • ความมั่นใจในการใช้งานว่าภาชนะ ถุง ขวด พลาสติกและกล่อง มีคุณภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน ไม่แตกหักง่าย ทนทานต่ออุณหภูมิและไม่ทำปฏิกิริยากับอาหารที่บรรจุ
  • มีข้อมูลที่ชัดเจน เนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่ได้รับ มอก.655 จะต้องมีฉลากและข้อมูลต่าง ๆ ครบถ้วน ทั้งเรื่องของคำแนะนำ การใช้งานและข้อควรระวัง

ความสำคัญต่อผู้ประกอบการ

  • โรงงานได้มาตรฐานทำให้การผลิตสินค้ามีคุณภาพดีขึ้น และสามารถจำหน่ายในราคาที่ถูกลงได้
  • สร้างความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ที่ดีต่อผู้ประกอบการ โดยเฉพาะความไว้วางใจให้กับลูกค้าและคู่ค้า
  • ยกระดับกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพในการผลิตมากขึ้น และผลิตภัณฑ์ที่ได้มีคุณภาพสม่ำเสมอ
  • เพิ่มโอกาสทางการตลาดและการแข่งขันจนเกิดความภักดี และมีลูกค้าประจำในอนาคต (Loyalty Program)

ยกตัวอย่างบริษัทที่ขอ “มอก 655”

บริษัท แสงรุ่งกรุ๊ป จำกัด ได้ยื่นขออใบอนุญาต มอก.655 เพื่อทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมต่อสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยการส่งตัวอย่างบรรจุ ภัณฑ์ พลาสติกเข้าสู่ขั้นตอนการตรวจสอบ ซึ่งผลปรากฏว่าผ่านการทดสอบถึง 7 ชนิดด้วยกัน จนได้รับการรับรองว่าเป็นบริษัทฯ ที่สามารถผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกตามที่มอก.655-2553 กำหนดได้จริง ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์พลาสติก PE, กระปุกพลาสติกพร้อมฝาปิด, พลาสติก PET รวมถึงแกลลอน เป็นต้น ทั้งนี้ผลที่ตามมาคือสามารถเพิ่มความน่าเชื่อถือต่อกระบวนการผลิต นำมาซึ่งโอกาสในการเพิ่มคู่ค้ามากขึ้น เพราะมั่นใจถึงมาตรฐานการผลิตว่าได้สินค้าคุณภาพสูง มีความหลากหลายเหมาะต่อการใช้งานกับสินค้าประเภทอาหารและเครื่องดื่ม โดยไม่ต้องกังวลเรื่องอันตรายต่อสุขภาพ อีกทั้งมีความคงทน ไม่แตกหักได้ง่าย จึงทำให้เกิดความคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น  

สรุป: มอก655 เครื่องหมายการค้าเพิ่มความมั่นใจและเพิ่มยอดขายในตัว

การยื่นขอ มอก. 655 ไม่ใช่เป็นแค่ข้อกำหนดต่อการดำเนินการของผู้ประกอบการเท่านั้น แต่ยังเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าต่อผู้ประกอบการ เพราะไม่ได้มีผลดีต่อความเชื่อมั่นด้านคุณภาพตามมาตรฐานอุตสาหกรรม และความปลอดภัยต่อลูกค้าที่มีต่อผลิตภัณฑ์พลาสติกชนิดต่าง ๆ เท่านั้น แต่ยังสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งมากขึ้น จนเกิดโอกาสการเพิ่มยอดขายและการขับเคลื่อนยอดขายให้เติบโตสูงอย่างยั่งยืนได้ง่ายขึ้น และจากการตัดสินใจยื่นขอ มอก.655 ของบริษัท แสงรุ่งกรุ๊ป จำกัด จึงเป็นการปูทางสร้างโอกาสทางการตลาดอย่างยั่งยืน เนื่องจากปัจจุบันมีสินค้าพลาสติกหลากหลาย ผู้ประกอบการสามารถสั่งผลิตได้ตามที่ต้องการด้วยตัวเอง และยืนยันได้ว่าทุกผลิตภัณฑ์มีความปลอดภัยเต็ม 100% จริง ๆ

error: Content is protected !!