ดีไซน์เป็นเรื่องสำคัญ
การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ดีนอกจากสีสันและฟังก์ชันการใช้งานแล้ว จะต้องมีดีไซน์ที่สวยงามน่าสนใจเหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ มีความเป็นเอกลักษณ์ หรือมีความพิเศษของวัสดุที่ใช้ และการออกแบบบรรจุภัณฑ์ควรที่จะสะท้อนแนวคิดของแบรนด์ออกมา เพื่อเป็นการสื่อสารกับผู้บริโภคผ่านขวดบรรจุภัณฑ์ เช่น น้ำดื่มที่ผ่านเทคโนโลยีการผลิตอันทันสมัย ได้รับมาตรฐานน้ำดื่มในระดับสากลที่เชื่อถือได้ ใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถย่อยสลายได้ หรือเป็นผลิตภัณฑ์น้ำแร่ เป็นต้น ซึ่งตรงนี้จะต้องใส่ลงไปบนฉลาก หรือข้อความที่อยู่บนขวดบรรจุภัณฑ์น้ำดื่มด้วย ยิ่งไปกว่านั้นการออกแบบขวดบรรจุภัณฑ์ที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจผู้บริโภค ยังสามารถสร้างความประทับใจในตัวผลิตภัณฑ์ได้อีกด้วย เช่น ออกแบบขวดน้ำดื่มให้มีรูปทรงเว้าเพื่อให้จับได้ถนัดมือ มีขนาดเล็กพกพาสะดวก หรือสามารถวางเรียงซ้อนกันเพื่อแช่ในตู้เย็นได้ง่ายและไม่เปลืองเนื้อที่ เป็นต้น

อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญในการตัดสินใจซื้อสินค้า และเป็นสิ่งแรกที่ดึงดูดความน่าสนใจก็คือตัวบรรจุภัณฑ์นั่นเอง ดังนั้นการออกแบบบรรจุภัณฑ์จึงเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญของการผลิต เพราะถือได้ว่าเป็นสิ่งแรกที่ลูกค้าจะมองเห็นผลิตภัณฑ์และภาพลักษณ์ของแบรนด์ผ่านบรรจุภัณฑ์นั้น ๆ และถ้าหากผลิตภัณฑ์มีลักษณะเป็นของเหลวหรือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องใช้การบรรจุขวด การออกแบบขวดบรรจุภัณฑ์ได้อย่างเหมาะสม นอกจากจะสามารถช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดี เพิ่มยอดขายให้กับผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ได้แล้ว ยังช่วยทำให้การผลิตสินค้า การจัดเก็บ และการขนส่งง่ายขึ้นด้วย ซึ่งการออกแบบขวดบรรจุภัณฑ์ที่ดีนั้นมีข้อควรพิจารณาดังนี้
วัสดุที่ใช้ในการออกแบบบรรจุภัณฑ์
การเลือกวัสดุที่ใช้ในการออกแบบขวดบรรจุภัณฑ์จะต้องมีความแข็งแรงทนทาน ปลอดภัยกับผู้บริโภค และสามารถเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ที่อยู่ด้านในได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังควรออกแบบขวดบรรจุภัณฑ์ โดยพิจารณาดูจากรูปแบบของผลิตภัณฑ์และกลุ่มเป้าหมายเป็นหลัก เพื่อสื่อสารให้ผู้บริโภคเข้าใจถึงผลิตภัณฑ์และสิ่งที่เจ้าของแบรนด์พยายามแสดงออก ยกตัวอย่างการออกแบบขวดบรรจุภัณฑ์น้ำดื่ม เช่น น้ำเปล่า น้ำอัดลม โดยทั่วไปแล้วจะนิยมใช้วัสดุเป็นพลาสติก เช่น ขวด PET เพราะมีราคาไม่แพง มีความปลอดภัย มีความเหนียวทนทานสามารถรองรับแรงกระแทกได้ดี มีความยืดหยุ่นทำให้สามารถขึ้นรูปทรงได้อย่างหลากหลาย มีความใสสามารถมองเห็นผลิตภัณฑ์ด้านในได้อย่างชัดเจน และสามารถรีไซเคิลได้
แต่ถ้าหากเป็นขวดผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสกินแคร์ จะเลือกใช้วัสดุทำบรรจุภัณฑ์ที่เป็นแก้ว เนื่องจากคุณสมบัติหลักของแก้วคือไม่ทำปฏิกิริยากับของเหลวหรือสารที่บรรจุอยู่ด้านในบรรจุภัณฑ์ จึงมีความปลอดภัยและไม่ทำให้เสียรสชาติ หรือเสียคุณสมบัติ และที่สำคัญคือการใช้บรรจุภัณฑ์เป็นขวดแก้วสีทึบหรือสีชายังสามารถช่วยป้องกันรังสี UV ที่อาจจะเข้ามาทำปฏิกิริยากับสารหรือของเหลวที่อยู่ภายในขวดที่อาจทำให้เสียคุณสมบัติหรือเสียรสชาติได้ อีกทั้งยังช่วยในเรื่องของภาพลักษณ์ที่ดูมีราคาและดูแพงมากกว่าใช้ขวดพลาสติกอีกด้วย
คำนึงถึงฟังก์ชันการใช้งาน
อีกสิ่งหนึ่งที่คนให้ความสำคัญในการออกแบบขวดบรรจุภัณฑ์ คือฟังก์ชั่นการใช้งาน ที่นอกจากจะต้องมีความแข็งแรงทนทาน ยังจะต้องสามารถช่วยถนอมคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่อยู่ภายในบรรจุภัณฑ์เอาไว้ได้ตลอดอายุการใช้งาน มีรูปทรงที่กลมกลืนสอดคล้องไปกับตัวผลิตภัณฑ์ด้านใน มีขนาดที่พอดีเหมาะสมกับปริมาณบรรจุ อีกทั้งยังต้องสามารถหยิบจับได้ถนัดมือ สามารถเปิด – ปิดได้อย่างสะดวก ไม่ยุ่งยากเมื่อต้องการใช้งาน
งานฉลากสินค้าสำหรับขวดบรรจุภัณฑ์
การเลือกใช้ฉลากสินค้าก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงในการออกแบบบรรจุภัณฑ์ ซึ่งรูปแบบของฉลากสินค้าที่นิยมใช้กับขวดบรรจุภัณฑ์ ได้แก่
- การสกรีนฉลากสินค้า โดยทั่วไปแล้วรูปแบบที่นิยมคือการพิมพ์ซิลค์สกรีน (Silk Screen) ซึ่งเป็นการสกรีนธรรมดาที่ใช้หมึกพิมพ์ลงไปบนพื้นผิวโดยตรง และการสกรีนแบบ UV Screen คือการสกรีนโดยใช้เครื่องพิมพ์ดิจิตอลลงบนวัสดุโดยตรง แล้วทำให้หมึกแห้งทันทีด้วยแสง UV การสกรีนรูปแบบนี้จะทำให้ได้สีที่ติดทน มีลักษณะนูน เงา มีความคมชัด ช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับการออกแบบบรรจุภัณฑ์ได้เป็นอย่างดี
- ฉลากสินค้าแบบฟิล์มหดรัด (Shrink Film) หรือฉลากหุ้มข้างขวด เป็นรูปแบบการติดฉลากผลิตภัณฑ์โดยใช้ความร้อนให้ฟิล์มหดรัดแนบไปกับขวด
- ฉลากสินค้าแบบฉลากพันรอบ (Wrap Around) เป็นรูปแบบที่มีความสวยงาม เหมาะสำหรับบรรจุภัณฑ์หรือผลิตภัณฑ์ที่เป็นทรงกลม สี่เหลี่ยม หรือทรงกระบอก จะติดกาวแค่หัว-ท้ายของฉลาก เช่น ฉลากสินค้าบนขวดน้ำดื่ม ขวดนม เป็นต้น
- ฉลากสินค้าแบบสติ๊กเกอร์ (Sticker) ลักษณะคล้ายกับฉลากสินค้าแบบพันรอบ แต่จะติดกาวทั้งฉลาก เช่น กระปุกยา ถังสี แกลลอนใส่น้ำมัน เป็นต้น
ปริมาณและความจุของขวดบรรจุภัณฑ์
โดยทั่วไปแล้วการออกแบบขวดบรรจุภัณฑ์จะมีขนาดแตกต่างกันออกไป แล้วแต่ขนาดบรรจุของผลิตภัณฑ์ที่อยู่ภายใน ยกตัวอย่างเช่น ขวดบรรจุภัณฑ์สำหรับน้ำดื่ม ที่พบเห็นกันได้ทั่วไปตามร้านค้าและห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ จะมีตั้งแต่ขวดพลาสติกขนาดเล็ก 330 ml, 500 ml, 750 ml และ 1,500 ml หรือถ้าหากเป็นขวดบรรจุภัณฑ์พลาสติกสำหรับใส่เครื่องดื่มอื่น ๆ เช่น น้ำผลไม้ ชา กาแฟ น้ำจิ้มต่าง ๆ ที่ส่วนใหญ่จะมีปริมาณไม่มากนัก ก็จะใช้เป็นขวดพลาสติกที่มีขนาดบรรจุน้อยลงมา เพื่อให้สามารถใส่ผลิตภัณฑ์ลงไปได้เต็มพอดีอย่างสวยงาม เช่น ขวดพลาสติกขนาด 150 ml หรือ 250 ml ซึ่งขวดบรรจุภัณฑ์พลาสติกเหล่านี้จะต้องได้รับการผลิตที่ได้มาตรฐาน ตามข้อกำหนดของมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมภาชนะพลาสติกสำหรับบรรจุน้ำบริโภค
ออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมสำหรับเข้าไลน์ผลิต
นอกจากจะต้องเลือกขนาดของบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมกับปริมาณของผลิตภัณฑ์ที่อยู่ด้านในแล้ว ยังจะต้องเลือกขนาดและรูปทรงให้พอดีสำหรับการเข้าไลน์ผลิตอีกด้วย เพราะถ้าหากขวดบรรจุภัณฑ์มีขนาดหรือรูปร่างที่ทำให้ไม่สามารถเข้าไลน์ผลิตได้ ก็จะเป็นการเสียทั้งต้นทุนและเวลา ดังนั้นการออกแบบสเปคบรรจุภัณฑ์ให้ครอบคลุมทุกการใช้งานจึงเป็นสิ่งสำคัญ
มาตรฐานและความปลอดภัยของบรรจุภัณฑ์
อีกสิ่งหนึ่งที่จะต้องคำนึงถึงในการออกแบบบรรจุภัณฑ์ โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอันตราย คือมาตรฐานและความปลอดภัยของบรรจุภัณฑ์นั่นเอง ซึ่งองค์การสหประชาชาติหรือ UN ได้ออกข้อกำหนดสำหรับการทดสอบและรับรองบรรจุภัณฑ์วัตถุอันตราย หรือ Un mark ที่ให้นำไปใช้กับบรรจุภัณฑ์ประเภทหีบห่อ (Packaging) บรรจุภัณฑ์ถังหรือแกลลอนพลาสติก (Jerrican or Gallon) และแทงค์ที่ยกและเคลื่อนย้ายได้ ดังนั้นการออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อให้ได้มาตรฐานบรรจุภัณฑ์ UN จะต้องผ่านการทดสอบทั้งในเรื่องความทนทานต่อการตกกระแทก (Drop Test) ความทนทานในการเรียงซ้อน (Stacking Test) คุณสมบัติป้องกันการรั่วซึม (Leakproofness) และความต้านทานความดันภายใน (Internal Pressure Test) ซึ่งเมื่อผ่านการทดสอบแล้ว จะต้องแสดงข้อมูลบรรจุภัณฑ์ที่ประกอบไปด้วย สัญลักษณ์ รหัส ตัวอักษรแสดงกลุ่มการบรรจุ วันเดือนปีที่ผลิต รหัสชื่อผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ ผลการทดสอบปริมาณสูงสุดที่บรรจุได้ รหัสประเทศ และหน่วยงานที่รับรองบรรจุภัณฑ์ เพื่อยืนยันว่าบรรจุภัณฑ์นั้นได้รับการทดสอบตามบัญญัติข้อบังคับ UN นั่นเอง
การขนส่งสินค้า และการจัดเก็บสินค้า
นอกจากจะออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมกับขนาดสินค้าและไลน์ผลิตแล้ว อีกจุดหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงคือการออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อให้สะดวกในแง่ของการจัดเก็บและขนส่ง โดยเฉพาะการออกแบบบรรจุภัณฑ์ ที่สามารถใช้พื้นที่ในการวางการเรียงสินค้าบนพาเลท และการเรียงสินค้าเข้าตู้คอนเทนเนอร์ได้อย่างคุ้มค่าและปลอดภัยต่อการขนส่ง ซึ่งการออกแบบในส่วนนี้จะต้องมีการคำนวนปริมาณให้เหมาะสม เพื่อใช้ประโยชน์พื้นที่ให้ได้มากที่สุด ทำให้สามารถประหยัดเวลาและค่าขนส่งไปได้อีกมาก
ดังนั้นหลักในการออกแบบขวดบรรจุภัณฑ์ที่ดี จึงจำเป็นที่จะต้องพิจารณาจากหลาย ๆ ปัจจัย ทั้งในเรื่องของแบรนด์ กลุ่มเป้าหมาย ชนิดของสินค้า สีสัน รูปทรง ดีไซน์ที่สามารถดึงดูดกลุ่มผู้บริโภคและแสดงออกถึงลักษณะของสินค้ารวมไปถึงภาพลักษณ์ของแบรนด์ ฟังก์ชั่นการใช้งานที่มีความสะดวก ใช้งานง่าย ชนิดของวัสดุบรรจุภัณฑ์ที่ใช้จะต้องมีความแข็งแรง สามารถรองรับน้ำหนักสินค้าได้ดี มีมาตรฐานความปลอดภัยตามข้อกำหนด มีการออกแบบให้สะดวกและง่ายต่อการขนส่ง อีกทั้งยังบรรจุภัณฑ์ที่ใช้จะต้องสามารถคงคุณภาพของสินค้าเอาไว้ได้ตลอดอายุการใช้งาน ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยสำคัญในการออกแบบบรรจุภัณฑ์แบบขวดด้วยกันทั้งสิ้นค่ะ