• เกร็ดความรู้
  • บรรจุภัณฑ์พลาสติกในอุตสาหกรรมอาหาร: เทรนด์ ความปลอดภัย และกฎหมาย

บรรจุภัณฑ์พลาสติกในอุตสาหกรรมอาหาร: เทรนด์ ความปลอดภัย และกฎหมาย

ปัจจุบันบรรจุภัณฑ์พลาสติกเป็นองค์ประกอบสำคัญของวงการอาหารอย่างมาก จากคุณสมบัติที่โดดเด่นของพลาสติกหลายอย่างทั้ง น้ำหนักเบา มีความยืดหยุ่นสูง ต้นทุนการผลิตไม่สูงมาก และมีนวัตกรรมการพัฒนาพลาสติกให้มีความปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น อย่างไรก็ตามบทความนี้ แสงรุ่งกรุ๊ป พร้อมพาทุกคนทำความรู้จักต่อบรรจุภัณฑ์อาหารพลาสติกมากขึ้น ทั้งในส่วนเทรนด์ที่กำลังได้รับความนิยม ความปลอดภัยและกฎหมายที่ควรทราบมีอะไรกันบ้าง

เทรนด์บรรจุภัณฑ์พลาสติกสำหรับบรรจุอาหารมาแรง

แนวโน้มของบรรจุภัณฑ์พลาสติกใช้สำหรับอุตสาหกรรมอาหารได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องมีหลายด้านน่าสนใจ โดยเฉพาะความยั่งยืน การใช้งานสะดวกขึ้น และการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้เพื่อพัฒนาบรรจุภัณฑ์อาหารพลาสติกให้มีคุณภาพ มีระดับความปลอดภัยสูงขึ้น ไม่เป็นปัญหาต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่าง โดยเทรนด์พลาสติกน่าสนใจมีดังนี้

เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

การเลือกใช้พลาสติกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์เพื่อลดปัญหาสิ่งแวดล้อมให้มากที่สุด จนนำไปสู่การแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ตลอดจนนำไปสู่ความปลอดภัยต่อคนและสัตว์ในระบบนิเวศน์อย่างแท้จริง โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มดังนี้

ไบโอพลาสติก : พลาสติกที่ย่อยสลายได้

ไบโอพลาสติก (Bioplastic) คือพลาสติกที่ทำจากวัสดุดิบธรรมชาติ เช่น ข้าวโพด อ้อย มันสำปะหลัง มันเทศ ผักตบ ฯลฯ มีคุณสมบัติคือสลายตัวได้ทางชีวภาพ 100% โดยไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพของผู้บริโภคและสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ โดยใช้ในอุตสาหกรรมอาหารในรูปแบบของบรรจุภัณฑ์หลากหลายชนิด เช่น จาน ชาม ถ้วย ช้อน-ส้อม ถุงพลาสติก ฟิล์มห่ออาหาร กล่องใส่อาหาร ฯลฯ 

พลาสติกรีไซเคิล : พลาสติกนำกลับมาใช้ใหม่ได้

พลาสติกรีไซเคิล (Recycle Plastic) คือ พลาสติกที่นำกลับมาสู่กระบวนการผลิตเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ โดยมีจุดประสงค์คือลดปริมาณขยะพลาสติก ช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและลดต้นทุนในการผลิตพลาสติกบริสุทธิ์ใหม่ให้มีความยั่งยืนมากขึ้น โดยมีทั้งหมด 7 ประเภทดังนี้

  1. PET: พลาสติกใส ทนแรงกระแทกได้ดี ไม่เปราะง่าย และกันแก๊สซึมผ่านดี นิยมใช้บรรจุน้ำดื่ม น้ำอัดนม ฯลฯ
  2. IPP : เนื้อหนา สีใส แข็งแรง และเงา มีต้นทุนต่ำ จึงนิยมนำมาใช้ผลิตเป็นถุงที่มีจีบด้านข้าง เพื่อบรรจุขนม คุกกี้ และเบเกอรี่ต่าง ๆ
  3. HDPE : ยืดหยุ่น ทนต่อการแตกหักได้ดี ทนสารเคมี ป้องกันความชื้นและความร้อนได้ นิยมผลิตเป็นขวดน้ำดื่ม ภาชนะใส่อาหารแช่แข็ง ฯลฯ
  4. LDPE : มีความอ่อนนิ่ม ยืดหยุ่นได้ดีแต่เหนียว ทนต่อกรดและด่างได้ดี ไม่แตกกรอบหักได้ง่าย นิยมผลิตเป็นถุงเย็นต่าง ๆ ฝาและขวดน้ำ ฯลฯ
  5.  PP : มีความหนาแน่นต่ำ จุดหลอมเหลวสูง ทนต่อความร้อนและสารเคมีได้ดี ไม่ทนต่อความเย็น จึงนิยมนำมาผลิตถุงทนร้อนชนิดใส แต่ไม่เหมาะต่อการบรรจุอาหารแช่แข็ง
  6. PE : มีจุดหลอมเหลวต่ำ มีคุณสมบัติคือก๊าซบางชนิดซึมผ่านได้ดี ทำให้นิยมนำมาใช้ผลิตเป็นถุงร้อน-ถุงเย็น ถุงบรรจุขนมปัง รวมถึงถุงบรรจุผักและผลไม้ แต่ไม่ควรบรรจุอาหารที่มีไขมันสูง
  7. OPP : มีจุดหลอมเหลวสูง บรรจุอาหารในขณะร้อนได้ดี ป้องกันการซึมผ่านของน้ำมันได้ดี จึงนิยมผลิตเป็นซองไอศกรีม ฉลาก ถุงร้อนของอาหารต่าง ๆ ถาดพลาสติก รวมถึงกล่องอาหารสีใส เป็นต้น

บรรจุภัณฑ์อัจฉริยะ

บรรจุภัณฑ์อัจฉริยะ (Smart Packaging) คือ บรรจุภัณฑ์ที่มีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยรักษาคุณภาพของอาหารให้คงที่ สร้างความมั่นใจต่อผู้บริโภคมากขึ้น และยังมีฟังก์ชันอื่น ๆ ที่ช่วยให้ผู้บริโภคมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับแบรนด์ง่ายขึ้น ผ่านรูปแบบต่าง ๆ เช่น  QR Code, เซนเซอร์, AR หรือวัสดุพิเศษ ฯลฯ

ดีไซน์เรียบง่ายและใช้งานสะดวก

บรรจุภัณฑ์ที่ดูสะอาดตา และมีช่องที่ทำให้ผู้บริโภคเห็นผลิตภัณฑ์จริงด้านในได้ สามารถสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภคได้ดี และยิ่งเพิ่มฟังก์ชันการใช้งานที่สะดวกมากขึ้น เช่น ฝาขวดเปิด-ปิดได้ง่ายโดยมีจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์เพิ่มเติม, มีหูหิ้ว ยิ่งสร้างความรู้สึกที่ดีต่อสินค้ามากขึ้น เนื่องจากลูกค้ารู้สึกได้ถึงความใส่ใจและความจริงใจที่ทางแบรนด์มีต่อผู้บริโภค

บรรจุภัณฑ์กินได้

เทรนด์การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์อาหารจากธรรมชาติ 100% ไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคและผู้บริโภคจึงสามารถกินบรรจุภัณฑ์ได้ เนื่องจากทำมาจากเช่น แป้งมันสำปะหลัง น้ำมันพืช ข้าวสาลี ข้าวฟ่าง และเรซินธรรมชาติ ฯลฯ นอกจากนั้นไม่ทิ้งปัญหาขยะตามมาในภายหลัง จึงได้ชื่อว่าเป็นบรรจุภัณฑ์น่าจับตามองอีกรูปแบบหนึ่งสำหรับผู้ผลิตและผู้บริโภค

ความปลอดภัยของบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารมีอะไรบ้าง

ความปลอดภัยจากการนำพลาสติกมาใช้เป็นบรรจุภัณฑ์อาหารเป็นเรื่องสำคัญมาก เนื่องจากบรรจุภัณฑ์ส่วนใหญ่สัมผัสกับอาหารโดยตรง ซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อสุขภาพของผู้บริโภคได้ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยจึงควรพิจารณาจากปัจจัยดังนี้

วัสดุจะต้องเป็น Food Grade

พลาสติกจะต้องปลอดภัยต่อการสัมผัสอาหาร ไม่มีกลิ่น ไม่เปลี่ยนรสชาติ ไม่เกิดการย่อยสลายเมื่ออุณหภูมิมีการเปลี่ยนแปลง ไม่เกิดการย่อยสลายเมื่อสัมผัสกรด จนเกิดสารเคมีอันตรายหลุดออกมาระหว่างการใช้งาน

ประเภทของพลาสติกและการเลือกใช้งาน

บรรจุภัณฑ์ Food Grade ทุกประเภทที่นำมาใช้บรรจุอาหารต้องได้รับรองมาตรฐานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่น มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) และ GHP เป็นต้น และควรใช้บรรจุผลิตภัณฑ์อาหารหรือเครื่องดื่มที่เหมาะสม เพื่อรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้คงคุณภาพตามกำหนด

นวัตกรรมด้านความปลอดภัยของบรรจุภัณฑ์

ผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของบรรจุภัณฑ์อย่างมาก ทำให้มีนวัตกรรมใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มความปลอดภัยต่อผลิตภัณฑ์ เช่น

  • บรรจุภัณฑ์ที่บ่งชี้การเสื่อมสภาพของอาหาร
  • บรรจุภัณฑ์ยืดอายุการเก็บรักษาอาหารและเครื่องดื่ม
  • การนำวัสดุจากธรรมชาติมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตบรรจุภัณฑ์
  • การใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีแบบใหม่ผลิตบรรจุภัณฑ์ที่ปลอดภัยและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค

ความรับผิดชอบของผู้ผลิตต่อความปลอดภัย

ผู้ผลิตสร้างความมั่นใจและความรับผิดชอบในด้านความปลอดภัย เพื่อลดความเสี่ยงในการใช้บรรจุภัณฑ์ ด้วยข้อมูลดังนี้

  • มีสัญลักษณ์เกี่ยวกับมาตรฐานของพลาสติกจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชัดเจน
  • มีสัญลักษณ์ระบุชัดเจนเกี่ยวกับชนิดของบรรจุภัณฑ์ เพื่อการใช้งานที่ถูกต้องและเหมาะสม
  • ผู้ผลิตให้ข้อมูลที่ชัดเจนแก่ผู้บริโภคเกี่ยวกับการใช้งานและการเก็บรักษาบรรจุภัณฑ์อย่างปลอดภัย

กฎหมายและข้อบังคับเกี่ยวกับพลาสติกในอุตสาหกรรมอาหารควรรู้ ?

กฎหมายและข้อบังคับเกี่ยวข้องกับพลาสติกในอุตสาหกรรมอาหารมีความสำคัญทั้งผู้ประกอบการ ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์และผู้ส่งออก เนื่องจากหากไม่ปฏิบัติตามอาจนำไปสู่ปัญหาหลายส่วน โดยเฉพาะความปลอดภัยต่อผู้บริโภค ส่งผลให้ปัจจุบันมีแนวทางปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ Food Grade ดังนี้

ประกาศจากกระทรวงสาธารณสุข ฉบับ 435 (พ.ศ. 2565) 

  • พลาสติกที่ใช้ทำบรรจุภัณฑ์ต้องเป็นพลาสติกเกรดที่ใช้กับอาหารเท่านั้น (Food Grade)
  • ผู้ผลิตต้องส่งมอบเอกสารหรือหลักฐานรายงานผลการประเมินความปลอดภัยจากหน่วยงานที่ได้รับอนุญาต
  • กำหนดให้บรรจุภัณฑ์พลาสติกทุกชนิดที่สัมผัสอาหารต้องมีความปลอดภัยและได้คุณภาพตามข้อกำหนด
  • ห้ามมีสารอันตรายที่อาจแพร่กระจายออกมาสู่ผลิตภัณฑ์อาหารในปริมาณที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพผู้บริโภค
  • ให้ใช้สีและหมึกพิมพ์ผลิตภัณฑ์ได้แต่ต้องเป็นสี Food Contact Grade เท่านั้น และสีไม่ออกมาปนเปื้อนกับอาหาร

มาตรฐานการผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.)

ภาชนะพลาสติกสำหรับอาหารเป็นสินค้าควบคุมตามมอก. และต้องผ่านการรับรองมาตรฐานเพื่อความปลอดภัยเท่านั้น ผ่านมาตรฐานต่าง ๆ เช่น

  1. มอก.1027-2564 : มาตรฐานสำหรับถุงพลาสติกบรรจุอาหารทั้งร้อนและเย็น
  2. มอก.655 เล่ม 1-2553 : มาตรฐานสำหรับภาชนะและเครื่องใช้พลาสติกสำหรับอาหาร

พระราชบัญญัติมาตรฐานอุตสาหกรรม พ.ศ.2511

  • กำหนดมาตรฐานการผลิตอุตสาหกรรม
  • การรับรองระบบคุณภาพและรับรองความสามารถของห้องปฏิบัติการทดสอบและสอบเทียบ
  • ทำหน้าที่สื่อกลางกับองค์กรที่เกี่ยวข้องทั่วทั้งโลก เช่น มาตรฐาน ISO, องค์กรอนามัยโลก เป็นต้น

แนะนำทริคเลือกใช้บรรจุภัณฑ์อย่างไรให้ได้คุณภาพ และส่งผลดีต่อผู้ผลิตและผู้บริโภค

การเลือกบรรจุภัณฑ์พลาสติกมาใช้บรรจุอาหารต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ครบถ้วน เพื่อความปลอดภัยต่อผู้บริโภค คุณภาพของผลิตภัณฑ์ ความสะดวกในการใช้งาน และการสิ่งที่แบรนด์ต้องการสื่อถึงลูกค้า โดยมีจุดมุ่งหมายสำคัญคือความน่าเชื่อถือ และความมั่นใจของผู้บริโภค โดยมีวิธีการเลือกบรรจุภัณฑ์ดังนี้

  • เลือกบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากวัสดุเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และย่อยสลายได้เองหรือนำมารีไซเคิลได้
  • เลือกบรรจุภัณฑ์ใช้สะดวกและเหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย พร้อมคำแนะนำในการใช้บรรจุภัณฑ์อย่างละเอียด
  • เลือกบรรจุภัณฑ์เหมาะสมต่อประเภทของอาหาร เพื่อความปลอดภัยและการรักษาคุณภาพของอาหารให้คงที่
  • เลือกใช้บริการผู้ผลิตที่มประสบการณ์และได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิตบรรจุภัณฑ์จากองค์กรที่เกี่ยวข้อง
  • เลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน ผ่านการทดสอบและได้การรับรองความปลอดภัยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำคัญทั้ง อย. และ มอก. เป็นต้น
  • เลือกบรรจุภัณฑ์ที่สามารถสื่อสารถึงผู้บริโภคอย่างตรงไปตรงมาถึงชนิดของสินค้า เอกลักษณ์ และสามารถสร้าง Loyalty ไปสู่ลูกค้าประจำในอนาคตได้
  • เลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่มีความยั่งยืนและถูกต้องตามข้อบังคับ กฎหมาย หรือมาตรการต่าง ๆ ที่กำหนดเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์พลาสติกสำหรับบรรจุอาหารและเครื่องดื่ม

ยกตัวอย่างการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกอย่างปลอดภัย

“บริษัท แสงรุ่ง กรุ๊ป จำกัด” เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ประกอบการเลือกใช้บริการผลิตบรรจุภัณฑ์ เนื่องจากบริษัทได้รับการรับรอง “มอก.655-2553” ในการผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติก จึงมั่นใจได้ถึงความปลอดภัย มาตรฐานและคุณภาพของบรรจุภัณฑ์ตรงตามข้อกำหนด รวมถึงมีประสบการณ์มากกว่า 30 ปี จึงสามารถให้คำแนะนำและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร เพื่อให้ได้บรรจุภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการ และสามารถสื่อถึงผู้บริโภคถึงผลิตภัณฑ์โดยง่ายโดยข้อมูลการติดต่อสอบถามของบริษัท แสงรุ่ง กรุ๊ป จำกัด สำหรับผู้ที่สนใจมีดังนี้

Social Media : Line

เบอร์โทรศัพท์ : 02-453-1188

สรุป: บรรจุภัณฑ์พลาสติกทางเลือกสำคัญต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหาร

การทำความเข้าใจเทรนด์บรรจุภัณฑ์ ความปลอดภัย และกฎหมายหรือข้อบังคับเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์พลาสติก เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการมองข้ามไม่ได้ เพราะเป็นข้อได้เปรียบทางกลยุทธ์สำคัญในการยกระดับผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มสู่การเติบโตในตลาดอย่างยั่งยืน ทั้งในด้านความปลอดภัย คุณภาพของผลิตภัณฑ์ Food Grade การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อแบรนด์ การใช้บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมกับประเภทของอาหาร นำไปสู่การความคุ้มค่าด้านต้นทุนและกระบวนการผลิตบรรจุภัณฑ์อาหาร ซึ่งสามารถสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักของกลุ่มเป้าหมาย พร้อมทั้งสร้างภาพจำที่ดีจนก่อเป็นความภักดีต่อแบรนด์จนกลายเป็นลูกค้าประจำในอนาคตอย่างมีประสิทธิภาพ

error: Content is protected !!