เกณฑ์ทดสอบบรรจุภัณฑ์เพื่อให้ได้ใบรับรองมาตรฐาน UN

บทความนี้จะอธิบายเกี่ยวกับการรับรองมาตรฐาน UN บนบรรจุภัณฑ์ ซึ่งประกอบไปด้วย UN mark และ UN number ทั้งสองเป็นสัญลักษณ์ที่มีความสำคัญในการระบุและจัดการกับสารอันตรายในการขนส่ง การทราบและเข้าใจวิธีใช้และความหมายของทั้งสองสัญลักษณ์เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการรักษาความปลอดภัยในการขนส่งสินค้า สารเคมี หรือวัตถุอันตรายอื่นๆ รวมถึงทราบถึงเกณฑ์สำคัญในการทดสอบบรรจุภัณฑ์เพื่อให้ได้ใบรับรองมาตรฐาน UN

การปฏิบัติตามมาตรฐานสำหรับ UN Number และ UN Mark

การปฏิบัติตามมาตรฐานสำหรับ UN Number (หมายเลขยูเอ็น) และ UN Mark (เครื่องหมายยูเอ็น) เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เกิดการจัดการกับสารอันตรายในการขนส่งอย่างปลอดภัยและถูกต้อง นี่คือคำอธิบายในการปฏิบัติตามมาตรฐานสำหรับทั้งสอง:

1. การปฏิบัติตามมาตรฐานสำหรับ UN Number:

  • ระบุ UN Number อย่างถูกต้อง: การระบุ UN Number ให้ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากมันช่วยระบุประเภทของสารอันตรายและคุณสมบัติที่สำคัญของมัน ผู้ใช้งานควรทราบวิธีการระบุ UN Number ให้ถูกต้องตามมาตรฐานที่กำหนด เช่น ต้องระบุตัวเลขทั้งหมดที่ให้ถูกต้องและครบถ้วน

2. การปฏิบัติตามมาตรฐานสำหรับ UN Mark:

  • การสร้างเครื่องหมายถูกต้อง: UN Mark ควรถูกสร้างขึ้นอย่างถูกต้องตามมาตรฐานที่กำหนด เพื่อให้เกิดความชัดเจนและเข้าใจง่ายว่าบรรจุภัณฑ์นั้นมีสารอันตรายและประเภทของสารอันตรายอย่างไร
  • การปฏิบัติตามคำแนะนำ: ผู้ใช้งานควรปฏิบัติตามคำแนะนำและมาตรการที่เกี่ยวข้องกับ UN Mark เพื่อให้การขนส่งและการจัดเก็บเป็นไปอย่างปลอดภัย การปฏิบัติตามมาตรฐานนี้ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถจัดการและปฏิบัติตามข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย

การปฏิบัติตามมาตรฐานสำหรับ UN Number และ UN Mark เป็นขั้นตอนสำคัญในการจัดการกับสารอันตรายในการขนส่ง มันช่วยให้เกิดการเข้าใจและการปฏิบัติตามมาตรฐานและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้องและเหมาะสม ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยและป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในการขนส่งสารอันตราย

เกณฑ์ทดสอบบรรจุภัณฑ์เพื่อให้ได้ใบรับรองมาตรฐาน UN

ใบรับรองมาตรฐาน UN เป็นการยืนยันว่าบรรจุภัณฑ์มีความเหมาะสมและปลอดภัยตามมาตรฐานที่กำหนดโดยสหประชาชาติ มีคุณภาพมาตรฐานและเหมาะสำหรับการขนส่งสินค้าที่ต้องการความปลอดภัยสูงสุดในระดับสากล

การทดสอบที่ถูกต้องและเคร่งครัดเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้บรรจุภัณฑ์ทำงานได้ตามมาตรฐาน UN และปลอดภัยต่อสินค้าที่จะถูกบรรจุในบรรจุภัณฑ์นั้น ดังนั้นเราจึงเน้นในการผลิตบรรจุภัณฑ์จากวัสดุที่เหมาะสมและมีความแข็งแรงเพียงพอสำหรับการใช้งานและความจุที่ต้องการ เกณฑ์การทดสอบสำหรับดรัมและเจอรี่แคนพลาสติก (Jerrican plastic) และเกณฑ์การทดสอบสำหรับบรรจุภัณฑ์พลาสติก มีดังนี้

ดรัมและเจอรี่แคนพลาสติก (Jerrican plastic)

เพื่อให้บรรจุภัณฑ์ได้รับใบรับรองมาตรฐาน UN บรรจุภัณฑ์ประเภทดรัมและเจอรี่แคนพลาสติก (Jerrican plastic) ที่สามารถเข้ารับการทดสอบตามเกณฑ์ ได้แก่

  1. บรรจุภัณฑ์ 1H1 ดรัม ต้องมีการออกแบบหัวฝาที่ไม่สามารถถอดออกได้
  2. บรรจุภัณฑ์ 1H2 ดรัม ต้องมีการออกแบบหัวฝาที่สามารถถอดออกได้
  3. บรรจุภัณฑ์ 3H1 เจอรี่แคน ต้องมีการออกแบบหัวฝาที่ไม่สามารถถอดออกได้
  4. บรรจุภัณฑ์ 3H2 เจอรี่แคน ต้องมีการออกแบบหัวฝาที่สามารถถอดออกได้

เกณฑ์การทดสอบบรรจุภัณฑ์พลาสติก

1.การทดสอบโดยการตกกระทบ (Drop Test) สำหรับบรรจุภัณฑ์พลาสติก

การทดสอบโดยการตกกระทบ (Drop Test) เป็นหนึ่งในเกณฑ์การทดสอบที่สำคัญสำหรับบรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภทดรัมและเจอรี่แคน บริษัทจะต้องส่งตัวอย่างบรรจุภัณฑ์เพื่อให้ได้รับการทดสอบตกกระทบ โดยมีเกณฑ์ในการทดสอบว่าต้องใช้ตัวอย่าง 3 ตัวอย่างสำหรับแบบการตกกระทบแต่ละแบบ

ก่อนที่จะนำบรรจุภัณฑ์ไปทดสอบ จะต้องทำการบรรจุของเหลวภายในบรรจุภัณฑ์ให้ถึงระดับไม่น้อยกว่า 98% ของปริมาณบรรจุภัณฑ์ เมื่อทดสอบโดยการตกกระทบ จุดที่ทดสอบจะต้องเป็นพื้นราบและแน่น ผิวบรรจุภัณฑ์ต้องไม่ยืดหยุ่น ต้องเป็นผิวเรียบและมีความคงรูปเพียงพอที่จะไม่เกิดความเสียหายจากการทดสอบ

ความสูงของการตกกระทบ

  • กลุ่มการบรรจุที่ I เกณฑ์ความสูง 1.8 เมตร
  • กลุ่มการบรรจุที่ II เกณฑ์ความสูง 1.2 เมตร
  • กลุ่มการบรรจุที่ III เกณฑ์ความสูง 0.8 เมตร

การทดสอบโดยการตกกระทบเป็นเกณฑ์การทดสอบที่สำคัญสำหรับบรรจุภัณฑ์พลาสติก เนื่องจากการตกกระทบอาจมีผลต่อความปลอดภัยระหว่างการขนส่ง บรรจุภัณฑ์พลาสติกของบริษัท แสงรุ่งกรุ๊ป จำกัด ได้ผ่านการทดสอบตามเกณฑ์ที่กำหนดโดยมีเงื่อนไขว่าไม่ควรมีการรั่วไหลหลังจากทดสอบ และไม่ควรมีรอยชำรุดที่อาจมีผลต่อความปลอดภัย

2. การทดสอบการป้องกันการรั่วไหล (Leakproofness Test) สำหรับบรรจุภัณฑ์พลาสติก

การทดสอบนี้จำเป็นต้องใช้บรรจุภัณฑ์ตัวอย่างจำนวน 3 ใบ เพื่อตรวจสอบความสามารถในการป้องกันการรั่วไหลของบรรจุภัณฑ์ วิธีการทดสอบทำได้โดยให้บรรจุภัณฑ์รวมถึงฝาที่ปิดมิดชิดและไม่มีรูระบาย จมอยู่ใต้น้ำเป็นเวลา 5 นาที ในขณะที่เพิ่มความดันอากาศภายในบรรจุภัณฑ์

ในการทดสอบนี้ เพื่อให้บรรจุภัณฑ์จมอยู่ในน้ำ จะต้องไม่มีการรั่วไหลของอากาศ และความดันอากาศที่ใช้ในการทดสอบจะต้องเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดดังนี้

  • กลุ่มการบรรจุที่ I ไม่น้อยกว่า 30 กิโลพาสคัล (0.3 บาร์)
  • กลุ่มการบรรจุที่ II ไม่น้อยกว่า 20 กิโลพาสคัล (0.2 บาร์)
  • กลุ่มการบรรจุที่ III ไม่น้อยกว่า 20 กิโลพาสคัล (0.2 บาร์)

3. การทดสอบความดันภายใน (ด้วยของเหลว) สำหรับบรรจุภัณฑ์พลาสติก

ในการทดสอบความดันภายในบรรจุภัณฑ์พลาสติกรวมถึงฝาปิด จำเป็นต้องทำการทดสอบเป็นเวลา 30 นาที เพื่อตรวจสอบความแข็งแรงของบรรจุภัณฑ์ในการรักษาความดันที่ถูกกำหนด วิธีการทดสอบความดันทำได้โดยใช้วิธีใดวิธีหนึ่งต่อไปนี้

  • ไม่น้อยกว่าค่าความดันเกจที่วัดได้ภายในบรรจุภัณฑ์ที่อุณหภูมิ 55 องศาเซลเซียส คูณด้วยค่าแฟคเตอร์ความปลอดภัยที่ 1.5
  • ไม่น้อยกว่า 1.75 เท่าของความดันที่วัดได้ที่ 50 องศาเซลเซียส ของสารที่จะทำการขนส่ง โดยลบด้วย 100 กิโลพาสคัล แต่ต้องมีความดันทดสอบน้อยที่สุดเท่ากับ 100 กิโลพาสคัล
  • ไม่น้อยกว่า 1.5 เท่าของความดันที่วัดได้ที่ 55 องศาเซลเซียส ของสารที่จะทำการขนส่ง โดยลบด้วย 100 กิโลพาสคัล แต่ต้องมีความดันทดสอบน้อยที่สุดเท่ากับ 100 กิโลพาสคัล

ในการทดสอบความดันภายในของบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ใช้สำหรับบรรจุสารที่จัดเข้ากลุ่มการบรรจุที่ I จะต้องผ่านการทดสอบที่ระดับความดันทดสอบน้อยที่สุดเท่ากับ 250 กิโลพาสคัล (ความดันเกจ) เป็นเวลา 5 หรือ 30 นาที ซึ่งการทดสอบนี้ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ในการผลิตบรรจุภัณฑ์นั้นๆ ผลของการทดสอบจะต้องไม่มีการรั่วไหลเกิดขึ้น เพื่อให้มั่นใจว่าบรรจุภัณฑ์

พลาสติกสามารถรองรับและป้องกันการรั่วไหลของเหลวได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยในระหว่างการขนส่ง

4. การทดสอบการวางซ้อนทับ (Stacking test) สำหรับบรรจุภัณฑ์พลาสติก

การทดสอบการวางซ้อนทับเป็นการทดสอบที่สำคัญสำหรับบรรจุภัณฑ์พลาสติก ในการทดสอบนี้จะใช้ตัวอย่างบรรจุภัณฑ์จำนวน 3 ใบเพื่อทดสอบแรงกดที่ด้านบนของตัวอย่างทดสอบ โดยค่าแรงกดนี้จะเท่ากับน้ำหนักรวมของบรรจุภัณฑ์ที่มีลักษณะแบบเดียวกันที่คาดว่าจะถูกวางซ้อนทับกันในระหว่างการขนส่ง

ในกรณีที่สารที่บรรจุภายในตัวอย่างทดสอบเป็นของเหลว และมีค่าความหนาแน่นสัมพัทธ์ที่แตกต่างจากของเหลวที่ใช้ในการขนส่งจริง ความสูงของการวางซ้อนทับรวมกับบรรจุภัณฑ์ตัวอย่างทดสอบจะต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า 3 เมตร

สำหรับบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ใช้บรรจุของเหลว ต้องใช้เวลาในการทดสอบการวางซ้อนทับกันเป็นเวลา 28 วันที่อุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 40 องศาเซลเซียส เพื่อให้แน่ใจว่าบรรจุภัณฑ์ตัวอย่างทดสอบไม่เสื่อมสภาพจนอาจมีผลต่อความปลอดภัยในขณะที่ทำการขนส่ง และไม่เกิดการบิดเบี้ยวที่อาจทำให้ความแข็งแรงของบรรจุภัณฑ์ตัวอย่างลดลง จนทำให้การวางซ้อนทับไม่เสถียร โดยจำเป็นต้องทำให้บรรจุภัณฑ์มีอุณหภูมิเท่ากับอากาศโดยรอบก่อนทำการทดสอบ

เกณฑ์การทดสอบเหล่านี้ช่วยให้แน่ใจว่าบรรจุภัณฑ์พลาสติกของบริษัท แสงรุ่ง กรุ๊ป จำกัด มีความคงทนและปลอดภัยในการใช้งานและขนส่ง โดยมีมาตรฐานและได้รับการรับรองจากองค์การสหประชาชาติ (United Nations) หรือ UN ซึ่งบรรจุภัณฑ์เหล่านี้ได้รับการส่งตรวจสอบมาตรฐานโดยบริษัทประเทศเยอรมัน เพื่อให้สามารถบรรจุเคมีภัณฑ์สำหรับส่งออกไปยังทุกมุมโลกได้อย่างปลอดภัยและได้มาตรฐานที่ถูกต้อง

หากคุณต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน UN และการทดสอบเพื่อความคงทนและความปลอดภัย คุณสามารถติดต่อบริษัทเราเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมหรืออ่านเนื้อหาที่เกี่ยวข้องในเว็บไซต์ของเราได้

สรุปบทความเกี่ยวกับเกณฑ์ทดสอบเพื่อให้ได้ใบรับรองมาตรฐาน UN สำหรับบรรจุภัณฑ์ คือการทราบและปฏิบัติตามเกณฑ์ที่กำหนดเพื่อให้บรรจุภัณฑ์มีคุณภาพและปลอดภัยในการขนส่งสินค้า หลักการทดสอบที่สำคัญรวมถึงความแข็งแรง ความทนทาน และการป้องกันการรั่วไหลภายใต้สภาวะการขนส่งปกติ การใช้วัสดุพลาสติกที่เหมาะสมและไม่มีผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนี้ การป้องกันรังสีอุลตร้าไวโอเลตและการเพิ่มผงคาร์บอนหรือสารสีอื่น ๆ ที่เหมาะสมเพื่อป้องกันรังสีและให้ความแข็งแรงแก่บรรจุภัณฑ์เป็นสิ่งที่ควรพิจารณาอีกด้วย สุดท้ายนี้ เกณฑ์ทดสอบเพื่อให้ได้ใบรับรองมาตรฐาน UN เป็นการให้ความสำคัญกับคุณภาพและความปลอดภัยของบรรจุภัณฑ์ในการขนส่งสินค้า การปฏิบัติตามเกณฑ์เหล่านี้จะช่วยให้คุณสร้างและออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพและได้มาตรฐานสูงสุดสำหรับการขนส่งสินค้าของคุณ

error: Content is protected !!